หากพูดถึงปัญหาที่หลาย ๆ องค์กรยุคนี้ต้องเผชิญ หนึ่งในนั้นคือปัญหาเรื่องการคัดเลือกบุคลากร แล้วได้พนักงานที่ไม่มีคุณภาพ หรือทัศนคติไม่ได้ตรงตามที่หวังไว้ ทำให้สุดท้ายองค์กรต้องประกาศหาพนักงานใหม่ไปเรื่อย ๆ ทำให้เสียเวลาการทำงานของ HR รวมถึงเสียงบประมาณขององค์กรไปกับคนที่ไม่ใช่ ดังนั้นหลาย ๆ องค์กรเลยต้องหาทางปรับตัวด้วยการวางกลยุทธ์และเทคนิคในการรับสมัครพนักงาน เพื่อแก้ปัญหาการคัดเลือกบุคลากรในระยะยาว
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำถึงเทคนิคการคัดเลือกบุคลากรยังไง ให้ได้คนที่มีคุณสมบัติตรงใจองค์กรมากที่สุด จะมีวิธีไหนบ้างไปติดตามอ่านกันได้เลยครับ
พนักงานแบบไหนที่องค์กรควรพิจารณา
เวลาที่องค์กรจะพิจารณาเพื่อเลือกใครสักคนเข้ามาเป็นพนักงานหรือเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นคนที่มีวุฒิการศึกษาที่น่าสนใจ มีเกรดที่ดี หรือมีประวัติการทำงานที่น่าสนใจ แน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าวคือหนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่ HR ส่วนใหญ่ประเมินเพื่อเลือกสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่าจะได้งานนั้น ๆ เสมอไป
ทุกวันนี้องค์กรส่วนใหญ่จะมองหาคนที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงาน และตัวองค์กร มากกว่าการเลือกคนจากผลการศึกษาแค่อย่างเดียว นอกจากนี้สิ่งที่หลาย ๆ องค์กรเริ่มให้ความใส่ใจมากขึ้นคือ EQ ของพนักงาน ที่จะสามารถสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร งานที่ทำ รวมถึงเพื่อนร่วมงานได้มากน้อยแค่ไหน
จากบทสัมภาษณ์ของ “นภัส ศิริวรางกูร” พาร์ทเนอร์ คินเซนทริค (ประเทศไทย) ที่ถือว่าเป็นองค์กรชั้นนำที่ขึ้นชื่อในด้านการพัฒนาองค์กร ที่ได้เผยต่อ JOBBKK ถึง 2 ประเด็นสำคัญที่องค์กรมองหาจากผู้สมัครในยุคหลัง โควิด-19 ดังนี้
1.พนักงานที่สร้าง Energy Multiplier คือคนที่สามารถพร้อมสร้างพลังบวกต่อการทำงานและเพื่อนร่วมงานได้ เนื่องจากในทุกวันนี้การทำงานเต็มไปด้วยความเหนื่อยและท้าทายมากขึ้น แต่มีคนประมาณ 2% ในองค์กรเท่านั้นที่เป็นคนคอยขับเคลื่อนความเติบโตและประสิทธิภาพงานในองค์กร รวมทั้งยังเป็นของสร้าง Multiplier ให้กับคนอื่น ๆ เพื่อกระจายบทบาทหน้าที่ และทำให้พนักงานเกิดแรงที่จะขับเคลื่อนผลงานต่อองค์กรได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
2.พนักงานที่สามารถปรับตัวเก่ง เพราะแต่ละองค์กรมีวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกัน คนที่มีความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมขององค์กรได้ดี คือการ Fit กับ Way to Working ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน รวมทั้งการพร้อมปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานกับ AI ท่ามกลางยุคดิจิทัล ยิ่งทำให้องค์กรมีความสนใจมากขึ้น ในขณะที่คนเก่ง เรียนเก่งแค่ไหนแต่หากปรับตัวไม่เก่งก็อาจทำให้ไม่สามารถทำงานกับองค์กรในระยะยาวได้
เทคนิคการเลือกพนักงานให้ตรงใจองค์กร
การจะได้พนักงานที่ตรงใจ ตรงกับตำแหน่งหน้าที่ และเหมาะสมต่อองค์กรนั้น สามารถดำเนินตามเทคนิคการเลือกพนักงาน ดังต่อไปนี้
1. วางแผนการคัดเลือกบุคลากร ที่ชัดเจน
ก่อนเริ่มประกาศรับสมัครพนักงาน องค์กรควรวางแผนวัตถุประสงค์ในการรับพนักงานที่ชัดเจน โดยเริ่มจากการกำหนดวัตถุประสงค์ของการหาพนักงานว่าจะรับตำแหน่งเข้ามาร่วมงาน เมื่อรับแล้วจะให้เข้ามาช่วยพัฒนาองค์กรอย่างไรบ้าง โดยแบ่งเป็นเนื้องานที่ตำแหน่งนั้นรับผิดชอบที่จะต้องไม่เยอะหรือน้อยจนเกินไป แต่สามารถครอบคลุมหน้าที่ที่รับผิดชอบได้
ทันทีที่ได้ตำแหน่งงานที่ต้องการเปิดรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วองค์กรจึงเริ่มประกาศรับสมัครพนักงานตามเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ พร้อมระบุหน้าที่ที่รับผิดชอบ และคุณสมบัติที่ต้องการ รวมถึงสวัสดิการต่าง ๆ ขององค์กรอย่างชัดเจนที่สุด เนื่องจากการใส่รายละเอียดต่าง ๆ จะยิ่งเป็นการช่วยคัดกรองผู้สมัครได้มากยิ่งขึ้น เช่น ต้องเรียนจบปริญญาตรีสาขาการตลาด, มีประสบการณ์ทำงานด้าน Digital Marketing อย่างน้อย 2 ปี เป็นต้น
2. เน้นประสบการณ์มากกว่าวุฒิการศึกษา
การรับสมัครงานในทุกวันนี้สิ่งสำคัญที่สุดในการพิจารณาผู้สมัครคือ ประสบการณ์และความสามารถมากกว่าการเน้นเพียงวุฒิการศึกษา เพราะยิ่งหากเราได้คนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญที่เฉพาะทางย่อมช่วยให้เนื้องานที่ทำออกมามีประสิทธิภาพ และช่วยต่อการเติบโตขององค์กรมากยิ่งขึ้น ในขณะที่วุฒิการศึกษานั้นอาจเป็นเครื่องช่วยการันตีความรู้ความเข้าใจ แต่ไม่ได้การันตีความสามารถในการทำงานเสมอไป
ทั้งนี้สำหรับ HR ที่ต้องการสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาคนที่มีความสามารถโดยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์แบบ STAR โดยแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบดังนี้
- S – Situation เลือกถามคำถามที่เกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานในอดีตที่เกี่ยวกับตำแหน่งที่สมัคร อาจเป็นประสบการณ์ทำงานที่น่าประทับใจหรือประสบการณ์ที่ผิดพลาดและบทเรียนที่ได้
- T – Task เป็นการสมมติหรือยกตัวอย่างปัญหาและอุปสรรคของตำแหน่งงานดังกล่าว ว่าหากผู้สมัครเผชิญปัญหาดังกล่าวจะรับมือหรือแก้ปัญหาอย่างไร
- A – Action เป็นการถามเพื่อเจาะลึกถึงการทำงานของผู้สมัครถึงการทำงานที่ผ่านมาว่าทำหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง มีรูปแบบการทำงานอย่างไร เพื่อประเมินวิธีการทำงานว่าเข้ากับองค์กรได้มากน้อยแค่ไหน
- Result เป็นการสัมภาษณ์ถึงสิ่งที่ผู้สมัครได้รับจากการทำงาน ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด และมีสิ่งใดที่อยากปรับปรุงในอนาคต
3. ทดสอบความสามารถก่อนจ้างงาน
อีกหนึ่งวิธีการสำหรับทดสอบความรู้ ความสามารถในการทำงานของผู้สมัคร คือการให้ทดลองทำแบบทดสอบก่อนเริ่มทดลองงานจริง โดยแบบทดสอบที่ให้ทำนั้นอาจเป็นเนื้องานบางส่วนที่ต้องรับผิดชอบ มีการกำหนดระยะเวลาในการทำแบบทดสอบ รวมถึงทดสอบแนวทางการแก้ไขปัญหา หลังจากทำแบบทดสอบแล้วทาง HR หัวหน้าแผนก รวมถึง CEO อาจทำการตรวจและประเมินคะแนนแบบทดสอบที่ทำ
ซึ่งการทำแบบทดสอบจะช่วยให้ทางองค์กรสามารถประเมินคุณสมบัติผู้สมัครได้ง่ายขึ้น ได้รู้ถึงจุดแข็งหรือจุดอ่อนของผู้สมัครคนนั้น ๆ และเปรียบเทียบได้อย่างเห็นภาพชัดเจน รวมทั้งสามารถมั่นใจได้ว่าผู้สมัครจะสามารถปฎิบัติงานได้มีคุณภาพจริงตามที่ระบุใน Resume
4. ใช้บริการ Recruitment ที่มีคุณภาพ
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับองค์กรที่ต้องการรับสมัครพนักงานจำนวนมาก และต้องการทำงานให้เกิดความกระชับ รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สามารถใช้วิธีหาคนผ่านบริการ Recruitment ที่เป็นการจัดหาพนักงานโดยมืออาชีพ ที่จะช่วยดูแลแบบครบ จบ ช่วยลดการทำงานของ HR รวมถึงได้พนักงานที่ตรงใจกับองค์กรมากที่สุด
ซึ่งทางเว็บไซต์ ATHM ก็ได้มีบริการ Recruitment ที่ช่วยคัดเลือกพนักงานโดยจะดูแลตั้งแต่เริ่มต้นสร้างหน้าประกาศรับสมัครงาน จัดการปรับแต่งรายละเอียดการสมัครงาน ดึงข้อมูลผู้สมัครจากอีเมลเข้าระบบ และติดตามสถานะผู้สมัคร เพื่อให้องค์กรมั่นใจได้ว่าพนักงานที่ได้มีความรู้ ความสามารถ รวมถึงทัศนคติที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
สรุป
จะเห็นได้ว่าการคัดเลือกบุคลากร ให้ได้คุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการขององค์กร นอกจากจะช่วยให้ได้พนักงานที่มีคุณภาพมาร่วมงานแล้ว ยังช่วยให้ลดภาระงานของ HR แถมผลงานที่ได้ออกมานั้นก็ยังมีคุณภาพตามที่องค์กรคาดหวัง ดังนั้นกระบวนการคัดเลือกบุคลากร หรือ Recruitment จึงถือว่าเป็นอีกกระบวนการที่ทุกองค์กรไม่ควรมองข้าม
สำหรับองค์กรไหนที่ต้องการบริการด้าน Recruitment แบบครบ จบ ด้วยกระบวนการทันสมัยและมีประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ขอแนะนำ ATHM ผู้ช่วยด้าน HR ที่นอกจากการคัดเลือกบุคลากรแล้ว ยังมีระบบ HRM และ HRD ที่จะช่วยยกระดับการทำงานของ HR ให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง: JOBBKK
