โลกการทำงานในทุกวันนี้ เต็มไปด้วยการแข่งขันที่ไม่หยุดนิ่ง เพราะด้วยเทคโนโลยีและเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นองค์กรต้องให้ความสำคัญต่อการออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ที่เป็นการฝึกอบรมทักษะต่าง ๆ ของพนักงาน เพื่อนำไปประยุกต์ และพัฒนาการทำงานให้เกิดศักยภาพมากยิ่งขึ้น
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำถึง 5 หลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ที่น่าจับตาในปี 2025 เพื่อให้องค์กรสามารถนำไปปรับใช้ และพัฒนาบุคลากรให้พร้อมพาองค์กรเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ความสำคัญของการออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร
หลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร เป็นการออกแบบเนื้อหาการเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนาทักษะความสามารถของพนักงาน เพื่อให้ผลการทำงานออกมามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามที่องค์กรวางไว้ โดยเฉพาะในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง การฝึกให้พนักงานมีความรู้ และสามารถปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ ได้จะช่วยให้องค์กรเกิดความได้เปรียบมากขึ้น
ซึ่งการที่องค์กรจะสามารถสร้างหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ให้ได้ผลสำเร็จ ตรงความต้องการขององค์กร และพนักงานสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ องค์กรจะต้องให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมเป็นแหล่งสนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อสร้างแรงจูงใจจากพนักงานในการอยากพัฒนาความรู้ความสามารถ รวมถึงทำให้พนักงานมองเห็นถึงโอกาสเติบโตในวิชาชีพมากขึ้น
- ผลสำรวจของ Search Group พบว่า พนักงานร้อยละ 86 มีโอกาสเปลี่ยนงาน หากพบองค์กรที่สร้างความเติบโตด้านวิชาชีพมากกว่า
- ผลสำรวจจาก LinkedIn Learning พบว่า พนักงานร้อยละ 94 จะทำงานในองค์กรนานขึ้น หากองค์กรมีการสนับสนุน ลงทุนด้านการเติบโตในวิชาชีพของพนักงาน
ทำความเข้าใจถึงแนวทางการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ในองค์กร
ได้ที่บทความ: เปลี่ยนองค์กรให้เป็นแหล่งผลิตคนเก่ง ด้วยวัฒนธรรมองค์กรส่งเสริมการเรียนรู้

5 หลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร น่าสนใจในปี 2025
การทำงานในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี รวมถึงเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่พนักงานในองค์กรจะต้องเผชิญความกดดัน ท้าทายใหม่ ๆ โดย 5 หลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรปี 2025 มีดังนี้
1. AI และระบบอัตโนมัติ
อย่างที่ทราบกันดีว่า ทุกวันนี้ AI ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานของหลาย ๆ อาชีพ หลายตำแหน่งมากขึ้น เพราะการใช้ AI ไม่เพียงแต่เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน แต่ยังช่วยลดโอกาสผิดพลาดในการทำงานที่เกิดจาก Human Error ทำให้ได้ผลงานมีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุนขององค์กร
ดังนั้นการให้พนักงานในองค์กรฝึกอบรมเพื่อใช้เครื่องมือ AI ต่าง ๆ ในการทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อทั้งพนักงานทุกระดับ เช่น พนักงานฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องสั่งการ AI ให้ทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ตรงความต้องการ หรือพนักงานฝ่ายบริหาร ที่ต้องใช้ AI ในการช่วยวิเคราะห์ วางกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้ถูกต้องเหมาะสม
ไม่เพียงแค่มีประโยชน์ต่อการทำงานเท่านั้น การที่พนักงานมีทักษะใช้ AI ยังช่วยเพิ่มความสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยต่อการปรับตัวต่อยุคสมัยที่พร้อมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
2. ทักษะการสื่อสารที่ดี
ทักษะการสื่อสารเป็นหนึ่งใน Soft Skill ที่สำคัญต่อการทำงานเป็นทีมมาทุกยุคทุกสมัย เพราะการจะทำงานในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี ทุกคนในองค์กรจะต้องสามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างตรงจุด ให้ผู้รับสารสามารถตีความและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง หากเกิดการสื่อสารผิดพลาด คลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวอาจทำให้งานออกมาล้มเหลว ไม่มีคุณภาพ จนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างคนในองค์กร
หลักสูตรการสื่อสารที่ดีในปัจจุบัน จึงไม่ใช่แค่การสื่อสารแบบออฟไลน์เท่านั้น แต่ยังมีการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ ที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยจะต้องสามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจทั้งผู้ส่งและผู้รับ นอกจากนี้ยังรวมถึงการสื่อสารเพื่อนำเสนอทางธุรกิจ และวิธีการต่อรองและเจรจา เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ยิ่งพนักงานคนไหนที่สื่อสารเก่ง ยิ่งสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับทีมและองค์กร
3. การแก้ปัญหาและการทำงานอย่างสร้างสรรค์
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ AI จะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหา และทำงานสร้างสรรค์ เช่น คิดคอนเทนต์ หรือสร้างภาพวาด วิดีโอได้ แต่มนุษย์ก็ยังเป็นคนที่ต้องคอยสั่งการ ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะการแก้ปัญหาจึงเป็น Soft Skill สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งที่เป็นส่วนบริหารองค์กร ที่ต้องเผชิญปัญหาและความท้าทายใหม่ ๆ เป็นประจำ
สำหรับหลักสูตรการแก้ปัญหาและการคิดแบบสร้างสรรค์นั้น จะเป็นการฝึกให้พนักงานสามารถมีความคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) รวมถึงการตีโจทย์ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังสามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อมาใช้งานได้ตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเกิดความได้เปรียบในการได้คนช่วยวิเคราะห์ และตัดสินใจต่าง ๆ ที่เป็นขั้นตอนสำคัญต่อธุรกิจ ได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ
4. ทักษะการทำงานแบบไฮบริด
ทุกวันนี้รูปแบบการทำงานมีการปรับเปลี่ยนไปต่างจากเดิม กับการทำงานที่เรียกว่าไฮบริด (Hybrid) ที่เป็นการผสมผสานการทำงานแบบออนไลน์เข้ามาเพิ่มความสะดวก ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศเสมอไป
ดังนั้นองค์กรควรมีการอบรมเพื่อให้พนักงานสามารถทำงานในรูปแบบไฮบริด ด้วยการให้พนักงานฝึกใช้เครื่องมือการทำงานออนไลน์ต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์ หรือโปรแกรมสำหรับทำงานในองค์กร รวมถึงการอบรมเกี่ยวกับ Workflow ขององค์กร เพื่อให้การทำงานสามารถทำงานได้ราบรื่นตรงตามแนวทางและเวลาที่กำหนด โดยที่รักษาคุณภาพของผลงานได้ แม้ว่าพนักงานจะทำงานที่บ้านก็ตาม
5. ทักษะความเป็นผู้นำ
ทักษะผู้นำเป็น Soft Skill ที่สำคัญ ไม่ว่าจะวิชาชีพไหน ก็ควรมีติดตัวไว้ เพราะนอกจากจะช่วยต่อการบริหารงานให้เกิดความราบรื่นแล้ว ยังช่วยต่อการเพิ่มทักษะการวางแผน การคิดวิเคราะห์ การวางเป้าหมายที่ดี หากองค์กรเลือกพนักงานที่ขาดทักษะของความเป็นผู้นำ ก็อาจทำให้การทำงานภายในทีมเกิดความล้มเหลว เต็มไปด้วยความขัดแย้ง หรือทำให้องค์กรไม่สามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
ดังนั้นหลักสูตรการสร้างภาวะผู้นำจึงเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญ ที่องค์กรต้องฝึกฝนและพัฒนาพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานในส่วนการบริหาร การจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ทักษะการตัดสินใจ การสร้างภาวะผู้นำที่ดี รวมถึงทักษะการแก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้การสั่งการ การบริหารคนในทีมเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และพร้อมพาทีมและองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
สรุป
การเลือกหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร เป็นอีกกลยุทธ์พัฒนาบุคลากรที่เจ้าหน้าที่ HR ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้พนักงานได้ฝึกทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน ยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผลงานออกมามีคุณภาพ ในขณะที่องค์กรได้ทีมงานมีความสามารถ เพิ่มความได้เปรียบการแข่งขันทางธุรกิจ และยังช่วยรักษาคนทำงานให้อยู่ในองค์กรระยะยาว
สำหรับองค์กรไหน กำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการเกี่ยวกับการอบรมพนักงาน ขอแนะนำ ATHM ที่มีระบบ LMS แบบ All-in-One มาพร้อมระบบให้เจ้าหน้าที่ HR สามารถออกแบบ และพัฒนาการเรียนรู้สำหรับพนักงานได้ พร้อมทั้งมีระบบประเมินก่อนและหลังการเรียนรู้ที่ชัดเจน ช่วยให้องค์กรพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้เกิดประสิทธิภาพ ตรงเป้าหมายที่สุด
