คุณชัยรัตน์ บุบผะศิริ Head of Commercial and Strategy จาก ATHM ได้เข้าพบ ดร.กันตภณ ธรรมวัฒนา Chief Human Resource Officer โรงพยาบาลสุขุมวิท เพื่อร่วมสวัสดีปีใหม่และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความท้าทายในการบริหารจัดการงาน HR ในธุรกิจโรงพยาบาล การพูดคุยครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความซับซ้อนและความท้าทายในการบริหารบุคลากรทางการแพทย์ที่แตกต่างจากองค์กรทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยประเด็นของการพูดคุย มีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
ความท้าทายในการจัดการตารางเวลาที่ไม่เหมือนใคร
เพราะ “การบริหารจัดการกะการทำงานในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคิด”
การบริหารจัดการกะการทำงานในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและท้าทาย ด้วยลักษณะงานที่ต้องให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การจัดตารางเวลาจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน ทั้งความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วย การกระจายภาระงานให้เหมาะสม และการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานของบุคลากร
ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อต้องพิจารณาถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของแต่ละบุคคล ทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสนับสนุน การนำระบบบริหารจัดการกะที่ทันสมัยมาใช้จะช่วยจัดการความซับซ้อนเหล่านี้ได้ โดยสามารถวางแผนกำลังคน จัดการการสลับกะ และคำนวณชั่วโมงทำงานได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งรองรับการปรับเปลี่ยนตารางแบบเรียลไทม์เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
บริหารอย่างไรให้เป็นธรรมและจูงใจบุคลากร?
การบริหารค่าตอบแทนในโรงพยาบาลเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องการความละเอียดอ่อนและความเข้าใจในบริบทเฉพาะ นอกเหนือจากเงินเดือนพื้นฐานและค่าล่วงเวลาแล้ว ยังมีค่าตอบแทนพิเศษที่ต้องพิจารณาตามความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เช่น ค่าเคสผ่าตัด ค่าตรวจพิเศษ หรือค่าเวรฉุกเฉิน
“ค่าตอบแทนที่ดีต้องสะท้อนทั้งความรู้ความสามารถ และความทุ่มเทของบุคลากร”
ระบบบริหารค่าตอบแทนที่ดีต้องมีความยืดหยุ่น โปร่งใส และเป็นธรรม โดยสามารถจัดการการคำนวณที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ ทั้งยังต้องสามารถออกรายงานที่ละเอียดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งองค์กรและบุคลากร
ทำอย่างไรให้บุคลากรมีเวลาดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่?
ความท้าทายประการสุดท้ายที่ได้พูดคุยกันคือการลดภาระงานด้านเอกสารและการรายงานผล ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเร่งด่วน บุคลากรทางการแพทย์ต้องสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ การมีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการลงเวลาและบันทึกข้อมูลจึงเป็นสิ่งจำเป็น
“เราต้องการระบบที่ช่วยให้บุคลากรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลกับงานเอกสารที่ซับซ้อน”
การนำระบบดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการลงเวลาและบันทึกข้อมูล ระบบสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติ สร้างรายงานที่ถูกต้องและรวดเร็ว ช่วยให้บุคลากรสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่
การพูดคุยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารทรัพยากรบุคคลในโรงพยาบาลต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่น เข้าใจบริบทเฉพาะของวงการสาธารณสุข และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ การนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระงานเอกสาร และสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถทุ่มเทให้กับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกโรงพยาบาล