ท่ามกลางยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึง AI ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ทำให้ HR Trend 2025 นี้ เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งต่อองค์กรและ HR ที่ต้องพร้อมปรับตัวให้ทันโลกตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมแข่งขันในตลาด รวมถึงพาธุรกิจไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการปรับตัวขององค์กร ให้เข้ากับ HR Trend 2025 ซึ่งจะมีอะไรบ้างที่ต้องเรียนรู้ และปรับตัว สามารถไปติดตามอ่านกันได้เลยครับ
ความท้าทายของงาน HR ในปี 2025
รูปแบบการทำงานของ HR ในยุคปัจจุบันเรียกได้ว่าพลิกโฉมและแตกต่างจากยุคก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะนับตั้งแต่ผลกระทบจากโควิด-19 และเทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วง 2 – 3 ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงานที่เพิ่มความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น AI หรือ Automation เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นความท้าทายของ HR ในปี 2025 นี้คือการที่จะต้องเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะเทรนด์ของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว หากปรับตัวไม่ทันอาจส่งผลต่อความก้าวหน้าขององค์กร นอกจากนี้ HR ก็ต้องไม่ลืมที่จะสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแรง พร้อมเปิดรับต่อการเรียนรู้ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาด รวมถึงสร้างความผูกพันต่อองค์กร ให้พร้อมพัฒนาผลงานที่พาองค์กรไปสู่จุดมุ่งหมายได้

5 เทรนด์น่าจับตาของวงการ HR
ในปี 2025 นี้ก็ยังเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยการปรับตัวสำหรับองค์กร ไม่ว่าจะเป็น ด้านเทคโนโลยี การวางกลยุทธ์ของ HR ไปจนถึงการออกแบบการการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และนี่คือ 5 เทรนด์น่าจับตาของ HR Trend 2025
1.พลิกโฉมกระบวนการทำงานด้วย AI
ทุกวันนี้ AI ได้เข้ามามีบทบาทต่อแทบทุกตำแหน่งหน้าที่ รวมถึง HR ที่ได้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยลดภาระงานที่ยุ่งยากบางส่วนออก ด้วยระบบที่เรียกว่า HR Tech เช่น การใช้ AI ในการประเมินผลงานของพนักงาน (LMS) การใช้ซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลพนักงาน (ATHM) หรือการคำนวณรายได้ของพนักงาน เป็นต้น ทำให้ HR มีเวลาในการพัฒนากลยุทธ์บริหารทรัพยากรบุคคลได้มากขึ้น
ดังนั้นหน้าที่ที่ HR ยุคใหม่ต้องปรับตัวคือการเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งในปัจจุบันได้มีเว็บไซต์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับ HR โดยเฉพาะ และยิ่งหากองค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่องค์กรจะได้เปรียบในการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคนี้
2.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วย HRM ที่เหมาะกับองค์กร
นอกจากตัวช่วยในด้าน HR Tech แล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยของ HR ยุคใหม่ก็คือ HRM หรือ Human Resource Management ที่หากแปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็คือการบริหารจัดการทรัพยากรบุคลากรในองค์กร โดยจะครอบคลุมตั้งแต่การคัดสรรพนักงาน, จัดอบรม, บริหารเวลาทำงาน, สร้างแบบประเมิน ,ความปลอดภัยของพนักงาน รวมถึงการสร้างสัมพันธ์ต่าง ๆ ของพนักงาน เป็นต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ข้อมูลต่าง ๆ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญขององค์กร การใช้ HRM จะช่วยให้ HR จัดการบริหารข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น สามารถออกนโยบายที่ตอบโจทย์ต่อเป้าหมายขององค์กร โดยที่ยังได้พนักงานที่มีคุณภาพ
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ถึงบทบาทระบบ HRM ที่มีต่อการพัฒนาองค์กร ในบทความ:
สัญญาณเตือน ว่าองค์กรของคุณควรบริหารบุคลากรด้วยระบบ HRM
3.ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้พนักงานด้วย HRD
ท่ามกลางการโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งความท้าทายขององค์กรคือการสร้างบุคลากรให้พร้อมต่อการ Upskill และ Reskill ต่าง ๆ เพื่อให้มีความรู้ความสามารถที่จะไปแข่งขันในตลาดแรงงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการใช้ AI ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการเรียนรู้ในเนื้องานที่รับผิดชอบจนเชี่ยวชาญ เป็นต้น
โดยการจะสร้างบุคลากรที่มีความรู้ มีคุณภาพได้ ก็ต้องเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านสิ่งที่ระบบ HRD ที่ย่อมาจาก Human Resource Development คือการพัฒนาและปรับปรุงทักษะทางวิชาชีพของบุคลากร ให้เกิดศักยภาพในการทำงานมากที่สุด เช่น การจัดโปรแกรมฝึกอบรมพนักงาน การจัดคอร์สการเรียนออนไลน์สำหรับพนักงาน เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จในการงาน และพัฒนาผลงานให้กับองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ความสำคัญของ HRD และมีบทบาทหน้าที่ต่อองค์กรอย่างไรบ้าง ในบทความ
พัฒนาศักยภาพพนักงานในองค์กร ด้วยระบบ HRD
4.ส่งเสริมการทำงาน Hybrid หรือ Remote Work
อีกหนึ่ง HR Trend 2025 ที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานคือ Hybrid Work หรือการทำงานแบบ Remote Work ที่ไม่จำเป็นที่พนักงานจะต้องเข้าออฟฟิศแบบสมัยก่อน องค์กรต้องเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถ WFH ได้ตามความเหมาะสมของตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากการทำงานในยุคนี้เน้นที่ผลลัพธ์ของงาน มากกว่าการเช็กเวลาเข้าออกงาน
ซึ่งผลลัพธ์จากหลาย ๆ องค์กรที่ใช้วิธีการทำงานแบบ Remote Work ก็พบว่าพนักงานมีความเครียด ความกดดันจากงานน้อยลง สามารถบริหารจัดการเวลาระหว่างงานและครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้การนั่งทำงานในออฟฟิศ
5.ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต
ไม่ว่าองค์กรไหนก็ล้วนแต่อยากได้พนักงานที่มีสุขภาพดี พร้อมทำงานให้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทุกองค์กรต้องมีการตรวจสุขภาพประจำปี แต่นอกจากสุขภาพกายที่ดีแล้ว อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่ากังวลของคนทำงานยุคนี้คือปัญหาเรื่องสุขภาพจิตจากการทำงาน ทั้งการ Burnout, ภาวะเครียด หรือซึมเศร้า ที่เพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน
ดังนั้นอีกหนึ่ง HR Trend 2025 สำหรับองค์กรและ HR คือการให้ความสำคัญต่อสุขภาพจิตของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสวัสดิการที่ดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน เช่น การเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีพื้นที่ระบายความเครียด, การสร้างกิจกรรมบำบัดความเครียดจากการทำงาน รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีคุณภาพ เพื่อให้พนักงานมีพลังกายและพลังใจที่จะทำงานให้กับองค์กร
สรุป
โดยสรุปแล้ว HR Trend 2025 ถือว่าเป็นอีกปีที่ HR และองค์กรจะต้องเตรียมพร้อมต่อทั้งการเปลี่ยนแปลง และพร้อมต่อเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่ารูปแบบการทำงานในปี 2025 นี้ จะไม่เหมือนเดิมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งบทบาทของ AI ที่เพิ่มความสะดวกสบาย และการทำงานที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการที่ HR จะสามารถสร้างกลยุทธ์ไปสู่ความสำเร็จได้นั้น ก็ต้องมีตัวช่วยที่มีคุณภาพ ATHM คืออีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับ HR ยุคใหม่ที่อยากพัฒนาองค์กร และยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เราพร้อมช่วยพัฒนาและออกแบบไม่ว่าจะเป็น HRM และ HRD ที่ล้วนแต่เป็นเครื่องมือสำคัญของ HR Trend 2025 โดยที่เราจะออกแบบให้ตอบโจทย์ต่อองค์กรของคุณที่สุด
